ชนิดและหน้าที่ของคำในภาษาไทย
1.คำนาม
คือ คำที่เราใช้เรียกชื่อคน สัตว์ สิ่งของ และสถานที่ รวมทั้งสิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิต เช่น ทหาร นักเรียน นักเรียน โรงเรียน กระเป๋า ลิง เป็นต้น
หน้าที่ของคำนาม
- ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค
เช่น ประกอบชอบอ่า นหนังสือ
ตำรวจจับผู้ร้าย
- ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค
เช่น วารีอ่านจดหมาย
พ่อตีสุนัข
2.คำสรรพนาม
คือ คำที่ใช้แทนคำนาม
ในประโยคสื่อสารใช้คำนามเพื่อไม่ต้องกล่าวคำนามซ้ำๆ
ชนิดของคำสรรพนาม
- ใช้แทนผู้พูด
เช่น ฉัน ข้าพเจ้า ผม
- ใช้แทนผู้ฟัง
เช่น คุณ เธอ ท่าน
-
ใช้แทนผู้ที่กล่าวถึง เช่น เขา ท่าน
หน้าที่ของคำสรรพนาม
- เป็นประธานของประโยค
เช่น เขาไปโรงเรียน
- บ้านเป็นกรรมของประโยค
เช่น ครูจะตีเธอถ้าเธอไม่ทำการ
3.คำกริยา
คือ คำที่แสดงอาการ
หรือการกระทำของคำนามและคำสรรพนามในประโยค
หน้าที่ของคำกริยา
- ทำหน้าที่เป็นตัวแสดงในภาคแสดงของประโยค
เช่น ขนมวางอยู่บนต๊ะ
นักเรียนอ่านหนังสือทุกวัน
คุณแม่ทำอาหาร
ฉันเดินไปโรงเรียน
4.คำวิเศษณ์
คำที่ใช้ประกอบหรือขยายคำอื่น
ได้แก่ คำนาม คำสรรพนาม คำกริยา หรือคำวิเศษณ์ด้วยกันเอง
ให้มีความหมายชัดเจนยิ่งขึ้น
หน้าที่ของคำวิเศษณ์
- ทำหน้าที่ขยายคำนาม
เช่น คนอ้วนกินจุ
อ้วน เป็นคำวิเศษณ์ ขยายคำนาม คน
- ทำหน้าที่ขยายคำสรรพนาม
เช่น เราทั้งหมดช่วยกันทำงานให้เรียบร้อย
ทั้งหมด
เป็นคำวิเศษณ์ ขยายคำสรรพนาม เรา
- ทำหน้าที่ขายคำกริยา
เช่น คนแก่เดินช้า
ช้า เป็นคำวิเศษณ์ ขยายคำกริยา เดิน
5.คำบุพบท
คือ คำที่เชื่อมคำหรือกลุ่มคำให้สัมพันธ์กันและเมื่อเชื่อมแล้วทำให้ทราบว่า
คำ หรือกลุ่มคำที่เชื่อมกันนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ได้แก่ ใน แก่ จน ของ
ด้วย โดย เป็นต้น
หน้าที่ในการแสดงความสัมพันธ์ของคำบุพบท
- แสดงความสัมพันธ์เกี่ยวกับสถานที่
เช่น คนในเมือง
- แสดงความสัมพันธ์เกี่ยวกับเวลา
เช่น เขาเปิดไฟจนสว่าง
- แสดงความสัมพันธ์เกี่ยวกับการเป็นเจ้าของ
เช่น แหวนวงนี้เป็นของฉัน
- แสดงความสัมพันธ์เกี่ยวกับเจตนาหรือสิ่งที่มุ่งหวัง
เช่น เขาทำเพื่อลูก
-
แสดงความสัมพันธ์เกี่ยวกับอาการ
เช่น เราเดินไปตามถนน
6.คำสันธาน
คือ คำที่ทำหน้าที่เชื่อมคำกับคำ
ประโยคกับประโยค ข้อความกับข้อความ เพื่อแสดงความคล้อยตาม ความขัดแย้งเหตุผล
หรือเชื่อมความให้สละสลวย
หน้าที่ของคำสันธาน
- เชื่อมคำกับคำ
เช่น ผักกาดและหัวหอมเป็นพืชสวนครัว
- เชื่อมข้อความกับข้อความ
เช่น การส่งเสียงดังในห้องสมุดเป็นการกระทำที่ไม่ดีรบกวนผู้อื่นเพราะฉะนั้นจึงต้องมีกฎห้ามส่งเสียงดังติดประกาศไว้
- เชื่อมประโยคกับประโยค
เช่น พี่เป็นคนขยันแต่น้องเกียจคร้านมาก
- เชื่อมความให้สละสลวย
เช่น คนเราก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้างเป็นธรรมดา
- เชื่อมใจความที่คล้อยตามกัน
ได้แก่คำว่า กับ , และ , ทั้ง…และ ,ทั้ง…ก็ , ครั้น…จึง , พอ…ก็ ฯลฯ
เช่น ภราดรและแทมมี่เป็นนักกีฬาที่มีความสามารถ
- เชื่อมใจความที่เป็นเหตุเป็นผลกัน
ได้แก่คำว่า จึง , ครั้น…จึง , พอ…ก็ ฯลฯ
เช่น พอเขากล่าวปาฐกถาทุกคนก็ตั้งใจฟัง
- เชื่อมใจความที่ขัดแย้งกัน
ได้แก่คำว่า แต่ , ถึง…ก็ , กว่า…ก็ , แต่ทว่า , แม้…ก็ ฯลฯ
เช่น สังคมมุ่งพัฒนาด้านวัตถุแต่ด้านจิตใจขาดการสนใจ
- เชื่อมใจความที่ให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง
ได้แก่คำว่า หรือ , หรือไม่ก็ , ไม่เช่นนั้น , มิฉะนั้นก็ , ไม่…ก็ ฯลฯ
เช่น โรงเรียนในเมืองหรือในชนบทต้องการอาจารย์ผู้มีความรู้
7.คำอุทาน
คือ คำที่แสดงอารมณ์ของผู้พูดในขณะที่ตกใจ ดีใจ
เสียใจ ประหลาดใจ
หรืออาจจะเป็นคำที่ใช้เสริมคำพูด
แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
- คำอุทานบอกอาการคือ เช่น แสดงอาการร้องเรียกหรือบอกให้รู้ตัว ได้แก่
แน่ะ!,นี่แน่ะ!,เฮ้!,เฮ้อ!
- คำอุทานเสริมบท แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ คำที่กล่าวเสริมขึ้นเพื่อให้คล้องจอง
หรือมีความหมายในการพูดดีขึ้น เช่น หนังสือหนังหา
หน้าที่ของคำอุทาน
- ทำหน้าที่แสดงความรู้สึกของผู้พูด
เช่น
ตายจริง! ฉันลืมเอากระเป๋าสตางค์มา
- ทำหน้าที่เพิ่มน้ำหนักของคำ ซึ่งได้แก่คำอุทานเสริมบท
เช่น ทำเสร็จเสียทีจะได้หมดเรื่องหมดราวกันไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น